หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการปลูกผมมาบ้าง แต่จริงๆแล้วการปลูกผมคืออะไร? ปลูกผมมีกี่แบบ? ปลูกผมดีไหม? ผมจะขึ้นจริงหรือเปล่า? บทความนี้จะตอบคำถามเกี่ยวกับการปลูกผม และศัลยกรรมปลูกผมให้คุณ
เคยไหม สางผมแล้วผมหลุดออกมาเป็นกระจุก ผมติดอยู่ที่หวีมากจนต้องดึงไปทิ้งทุกวัน ท่อตันทุกครั้งที่สระผม เวลาส่องกระจกก็จะเห็นว่าศีรษะเถิกกว่าเดิม หรือมีคนทักว่าเริ่มเห็นหนังศีรษะแล้ว ปัญหาเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นของอาการผมร่วงผมบาง ที่อาจจะต้องแก้ไขด้วยการปลูกผม
สาเหตุหลักของผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะล้าน
ฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) เป็นสาเหตุหลักของการผมร่วงในผู้ชาย เนื่องจากฮอร์โมนตัวนี้สร้างมาจากฮอร์โมนเพศชาย มีผลทำให้เส้นผมบนหนังศีรษะค่อยๆเล็กลง ผมที่งอกออกมาก็จะบางลง อ่อนแอลง จนสุดท้ายผมจะไม่สามารถขึ้นได้ เซลล์รากผมในตำแหน่งนั้นก็จะฝ่อไป เป็นสาเหตุให้เกิดอาการผมบาง จนศีรษะเถิกล้านในที่สุด
ส่วนผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางจากพันธุกรรม ก็เป็นผลมาจากฮอร์โมน DHT เช่นกัน เนื่องจากพันธุกรรมทำให้รากผมและหนังศีรษะตอบสนองกับฮอร์โมน DHT ได้มากเป็นพิเศษ จนทำให้ผมบาง ศีรษะล้านไวกว่าปกตินั่นเอง
เมื่อนำผมจากท้ายทอยมาปลูกลงไป จะทำให้ได้ผมใหม่ที่ขึ้นอย่างถาวร ไม่ร่วง ไม่บางง่ายจากฮอร์โมน DHT เหมือนกับผมเดิม นับเป็นการปลูกผมธรรมชาติ ที่สามารถแก้ไขปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านได้อย่างถาวร
ปลูกผม มีกี่แบบ
การปลูกผมถาวร เป็นการนำรากผมที่ท้ายทอย ย้ายไปปลูกในตำแหน่งใหม่ที่ต้องการ โดยรายละเอียดการนำรากผมออกมา วิธีปลูกผมหรือลักษณะของผมที่นำมาปลูกจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิธี
วิธีปลูกผมถาวรมี 4 แบบ แบ่งตามรายละเอียดของเทคนิคที่ใช้ในการปลูกผม ดังนี้
ปลูกผมแบบ Strip FUT
วิธีปลูกผมแบบ Strip FUT หรือที่หลายๆคนเรียกว่าปลูกผม FUT นั้น มีจุดเด่นอยู่ที่แพทย์จะนำรากผมออกมาจากท้ายทอย โดยการตัดหนังศีรษะชั้นบนบางส่วนจากท้ายทอยออกมาพร้อมรากผม แล้วจึงนำชิ้นหนังศีรษะนั้นไปแยกกอรากผมแต่ละกอออกจากกันใต้กล้องจุลทัศน์กำลังขยายสูง
วิธีนี้จะทำให้ได้กอรากผมที่สมบูรณ์ ปลูกผมติดง่าย แต่ก็มีข้อเสียคือจะมีแผลเป็นจากการผ่าตัดที่ศีรษะ
ปลูกผมแบบ FUE
ปลูกผม FUE มีจุดเด่นคือแพทย์จะเจาะรากผมออกมาโดยใช้เครื่องเจาะไฟฟ้า รากผมที่ได้ออกมาจะเป็นเฉพาะส่วนกอรากผมเลย ไม่มีเนื้อเยื่อรอบๆออกมาด้วย ทำให้แผลจากการผ่าตัดมีขนาดเล็กมาก เพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น เมื่อทำเสร็จก็จะไม่มีรอยแผลเป็น
ส่วนข้อเสียของวิธีปลูกผมแบบนี้ คือผมท้ายทอยอาจจะดูบางลงเพราะถูกย้ายออกไป และไม่มีผมงอกใหม่ทดแทนในตำแหน่งเดิม กอรากผมที่ได้ออกมาก็มีโอกาสเสียหายได้มากกว่า ทำให้กอผมบางกออาจปลูกไม่ติด
ปลูกผมแบบ Long hair FUE
วิธีปลูกผมแบบ Long hair FUE คล้ายกับการปลูกผม FUE เลย ต่างกันที่ปกติแล้วก่อนการปลูก แพทย์จะเตรียมการผ่าตัดโดยการตัดผมส่วนที่เลือกไว้ว่าจะเอาไปปลูก ให้สั้นลง เพื่อให้ง่ายต่อการผ่าตัด แต่แบบ Long hair FUE แพทย์จะย้ายรากผมทั้งที่ผมยังยาวอยู่
ข้อดีคือผมที่ปลูกจะยาวเลย ไม่ต้องพักฟื้นนาน ไม่ต้องรอให้ผมขึ้น แต่ข้อเสียก็คือดูแลรักษายากกว่า รากผมที่ปลูกไปเสี่ยงหลุดได้ง่ายกว่า และหลังปลูกผม ผมที่ปลูกก็จะร่วงได้ตามปกติอยู่แล้ว
อาการผมร่วง Hair Shedding เป็นอาการที่พบได้เป็นปกติหลังการปลูกผมถาวร เซลล์รากผมที่ถูกปลูกไป และผมเดิมบริเวณโดยรอบจะยังปรับตัวไม่ได้ในช่วงแรก ทำให้ผมร่วงและเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ถึงแม้จะปลูกผมด้วยผมยาวไป ในเวลา 3-4 สัปดาห์ผมก็จะร่วงเพราะมีการผลัดผมอยู่ดี
ปลูกผมแบบ DHI
วิธีปลูกผม DHI เป็นการปลูกผมที่เหมือนกับการปลูกผม FUE ทุกอย่าง ต่างกับเพียงแค่เครื่องมือที่ใช้ปลูกผม แบบ DHI จะใช้เครื่องมือที่ชื่อว่าปากกาปลูกผม หรือ Implanter ในการปลูกแทนการใช้forcepsเครื่องมือตัวนี้จะทำให้ผมที่ปลูกลงไปไม่ช้ำ มีโอกาสปลูกติดสูงกว่า
คลินิกบางแห่ง อย่างเช่น Absolute Hair Clinic ของเรา จะปลูกผมโดยใช้ Implanter ในการปลูกผมแบบ FUE อยู่แล้ว จึงไม่ได้ให้บริการปลูกผม DHI แยกย่อยออกมา เพราะเดิมทีชื่อการปลูกผมนี้ก็เป็นเพียงการใช้เพื่อโฆษณาของคลินิกแห่งหนึ่งในต่างประเทศเท่านั้น ไม่ได้มีความแตกต่างกับแบบ FUE ในทางการแพทย์แต่อย่างใด
ปลูกผมถาวร ผมขึ้นจริงไหม
ปลูกผมถาวร ผมขึ้นจริงอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นการย้ายรากผมของเรา ที่สามารถสร้างผมได้อย่างปกติอยู่แล้ว ไปปลูกไว้ในที่ใหม่ เมื่อรากผมที่ถูกย้ายไปปรับตัวได้ และเลยช่วงระยะพักไปแล้ว จะกลับมาสร้างผมอย่างเป็นปกติเหมือนเดิม
ทำให้ผมที่ได้จากการปลูกผม เป็นผมขึ้นใหม่ที่แข็งแรง ไม่ขาดร่วงง่าย คงทน อาจจะต้องใช้เวลาในการขึ้นสักหน่อย ประมาณ 3 – 4 เดือน แต่ผลที่ได้จะอยู่กับคุณอย่างถาวรแน่นอน
ปลูกผม เจ็บไหม
ปลูกผมถาวรเจ็บไหม? แม้จะมีการผ่าตัด หรือได้ชื่อว่าเป็นการศัลยกรรมปลูกผม แต่การปลูกผมถาวรนั้นไม่เจ็บเลย เนื่องจากระหว่างการผ่าตัด แพทย์จะใช้ยาชา และยานอนหลับในทุกขั้นตอน ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาไม่รู้สึกเจ็บเลย
นอกจากนี้ แผลหลังการผ่าตัดไม่ใช่แผลเปิด และแผลไม่ใหญ่ ทำให้แม้หลังยาหมดฤทธิ์ก็จะไม่เจ็บ อาจมีอาการปวดแผลบ้าง แต่ไม่ได้มาก แพทย์จะจ่ายยาแก้ปวดให้ ทานยาเพียงไม่กี่วันหลังผ่าตัดอาการปวดจะหายไปเอง
แม้การปลูกผมเป็นการแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางที่ได้ผลมาก และให้ผลถาวรก็จริง แต่การศัลยกรรมปลูกผมไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ทำให้แม้ผมใหม่จากการปลูกจะแข็งแรงมากขึ้น แต่ผมในส่วนอื่นๆที่ไม่ได้ปลูกไว้ ก็สามารถร่วงจนทำให้ผมบางได้ในระยะยาว
วิธีแก้ไขคือผู้เข้ารับการรักษาอาจจะต้องใช้วิธีการรักษาแบบอื่นๆร่วมด้วย แล้วแต่คำแนะนำของแพทย์ ว่าละคนจะเหมาะกับวิธีใด มีตั้งแต่การทานยาแก้ผมร่วง, การทำเลเซอร์ LLLT, การทำ Fotona Laser, ฉีด PRP ผม หรือฉีดสเต็มเซลล์ผม Rigenera Activa เป็นต้น
การรักษาแต่ละวิธีจะแก้ปัญหาผมร่วงผมบางคนละแบบ คนละสาเหตุ บางคนอาจจะเหมาะกับการรักษาควบคู่การปลูกผมด้วยการรักษาอื่นเพียงอย่างเดียว หรือบางรายอาจจะต้องรักษาด้วยวิธีอื่นพร้อมกันหลายวิธีก็มี
ข้อดีของการปลูกผม
- ให้ผลที่ถาวร ผมที่ปลูกจะอยู่บนหนังศีรษะไปตลอด ไม่ร่วงง่ายจนทำให้ผมบางอีก
- สามารถทำซ้ำได้ ถ้าอยากให้หนาขึ้นอีก หรืออยากเปลี่ยนรูปแบบแนวผมด้านหน้า
- ผลที่ได้สวยงาม เป็นธรรมชาติ เนื่องจากแพทย์จะค่อยๆปลูกผมทีละกราฟท์ เพื่อให้ได้ตำแหน่ง และทิศทางที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด
- สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ทำ ปัญหาผมร่วงผมบางเกิดซ้ำได้ยาก
- เป็นการลงทุนระยะยาว เงินที่เสียไปไม่แพงเมื่อเทียบกับผลที่ได้
- ความเสี่ยงต่ำกว่าการผ่าตัดอื่น เนื่องจากแผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก และแผลที่ศีรษะสามารถหายได้เร็วกว่าแผลที่ตำแหน่งอื่น เพราะเลือดไปเลี้ยงได้ง่าย
- ผลข้างเคียงน้อย เนื่องจากผมที่ปลูกเป็นผมของผู้เข้ารับการรักษาเอง และไม่ต้องใช้ยาให้เสี่ยงผลข้างเคียงระยะยาว
- สามารถทำร่วมกับการรักษาแบบอื่นได้ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน และถาวร
ข้อจำกัดในการปลูกผม
- ต้องมีผมที่ท้ายทอย หรือหลังกกหูมากพอสำหรับการปลูกผม
- ผมที่ท้ายทอยต้องแข็งแรงมากพอที่จะนำไปปลูก
- ต้องมีเวลาพักฟื้นอย่างน้อย 1 วันหลังการผ่าตัด
- หากเป็นการปลูกผมแบบ FUT ผู้ที่ทำต้องมีศีรษะที่ยืดหยุ่นพอสมควร
ปลูกผม เหมาะกับใคร
- ผู้ที่เสียความมั่นใจจนเกิดอาการเครียดจากผมร่วง ผมบาง
- ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ฮอร์โมนที่ค่อนข้างหนัก ไม่มีเซลล์รากผมเหลืออยู่
- ผู้ที่ไม่สามารถรักษาผมร่วงผมบาง ได้ด้วยวิธีการอื่น
- ผู้ที่ต้องการรักษาอาการผมร่วง ผมบางอย่างถาวร และต้องการเห็นผลเร็ว
- ผู้ที่ต้องการปลูกผมในที่ที่ผมไม่สามารถขึ้นได้แต่แรก เช่นหน้าผาก แผลเป็น
ใครที่ไม่เหมาะปลูกผม
- ผู้หญิงที่ศีรษะล้านแบบกระจาย หรือมีศีรษะล้านเป็นวงกว้างจนเกินไปและผมไม่พอปลูก
- ผู้ที่มีผมที่ท้ายทอยไม่เพียงพอต่อการปลูกผม
- ผู้ที่หนังศีรษะอักเสบ หรือติดเชื้อบนหนังศีรษะควรรักษาให้หายก่อน
- ผู้ที่เป็นแผลเป็นคีลอยด์ได้ง่าย
- ผู้ที่ผมร่วงจากโรคบางชนิดควรรักษาให้โรคสงบก่อน
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดปลูกผม
- หากเป็นโรคประจำตัว มียาที่ต้องทานประจำ ต้องแจ้งแพทย์เสมอ
- หยุดยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น พลาวิกซ์ (Plavix), แอสไพริน (Aspirin), วิตามินอี (Vitamin E), น้ำมันปลา (Fish oil), โสม, แปะก๊วย หรือสมุนไพรอื่นๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดการใช้ยาปลูกผมที่มีตัวยา Rogaine หรือ Minoxidil ก่อนการปลูกผม 1 สัปดาห์
- หากเป็นโรคความดันสูง กำลังใช้ยา Beta Blocker ต้องแจ้งแพทย์รักษาประจำเพื่อเปลี่ยนยาก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังการผ่าตัด 48 ชั่วโมง
- หากต้องการย้อมสีผมให้ทำก่อนวันผ่าตัด 1-2 วัน
- พักผ่อนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- คืนก่อนการผ่าตัด และเช้าวันผ่าตัดให้สระผมด้วย Betadine scrub หรือ Hibitane scrub ที่แพทย์จ่ายให้
- ในวันผ่าตัดให้สวมเสื้อผ่าหน้า หรือเสื้อที่หลวมใส่สบาย เนื่องจากหลังผ่าตัดไม่ควร
- สวมเสื้อที่ต้องกระทบศีรษะบริเวณที่ผ่าตัดเมื่อสวมเข้าหรือถอดออก
- งดดื่มชาและกาแฟในวันผ่าตัด
- ควรมีผู้ดูแลมาด้วยในวันผ่าตัด เนื่องจากต้องใช้ยานอนหลับในระหว่างผ่าตัด ทำให้มีอาการสะลึมสะลือได้เมื่อผ่าตัดเสร็จ
Advertisement